Thailand Property and Land Sales

Siam Real Estate

Wednesday, December 01, 2010

ครูชรวย รังสรรค์เศษไม้ให้เป็นงาน.



หากใครได้มีโอกาสผ่านไปแถวถนนสายเชียงใหม่ ฮอดแล้วพบกับบ้านที่มีรูปลักษณ์สะดุดตา แปลกกว่าที่เคยพบเห็นและชื่อบ้าน “100 อัน 1,000 อย่าง” ซึ่งชักชวนให้ผู้คนผ่านไปมาสงสัยจนอดที่จะแวะชมด้านใน และพูดคุยกับชายผู้นี้ ชรวย ณ สุนทรศิลปินชั้นครู ผู้รวบรวมงานศิลปะไม้แกะสลักตลอดทั้งชีวิตเอาไว้ในบ้านหลังนี้ ด้วยความคิดที่จะให้เป็นแหล่งอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมและภูมิปัญญาในงานไม้แกะสลักของชาวล้านนาไว้ให้กับลูกหลาน

บ้านมหัศจรรย์...บ้าน 100 อัน 1,000 อย่าง
Taxi Chiangmai: 0816172116 (oversea ++66 81 6172116) Patrick, Local with English speaking

โดย ผู้จัดการออนไลน์

Taxi Chiangmai: 0816172116 (oversea ++66 81 6172116) Patrick, Local with English speaking

งานแกะสลักเชิงสังวาสแต่แฝงปรัชญาในห้องราคะศิลป์

...จากเศษไม้ที่ไร้ค่าทุกหนแห่ง
นำมาแต่งมาสร้างเป็นงานศิลป์
บ้างก็เก่า บ้างก็เว้า จนเป็นดิน
บางคนนำมาเผาผิงเป็นฟืนไฟ...

บทกลอนสั้นๆนี้แต่งขึ้นจากใจชายผู้รักในงานศิลปะอย่าง "ชรวย ณ สุนทร" เจ้าของบ้าน 100 อัน 1,000 อย่าง ชายผู้ถอดใจฝากไว้ในงานแกะสลักไม้อันประณีตวิจิตร จากฝีมือศิลปินชั้นครู ซึ่งหวังใจว่าผลงานอันทรงคุณค่าเหล่านั้นจะเป็นมรดกล้ำค่าให้ลูกหลานช่วยกันอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมล้านนาให้ดำรงสืบต่อไป

กำเนิดครูผีบ้า ผู้รังสรรค์งานศิลปะ

เส้นทางชีวิตของคนเรามักไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ สำหรับเส้นทางชีวิตของ ชรวย ณ สุนทร ก็เป็นเฉกเช่นเดียวกัน จากเด็กนักเรียนแห่ง อ.พาน จ.เชียงราย ที่หลายๆคนเรียกขานกันว่า"เด็กบ้านนอก" หลังเรียนจบ ม.ศ. 3 ก็ได้ไปสอบเป็นครูเพื่อหวังจะกลับมาพัฒนาการศึกษาที่บ้าน แต่ก็ต้องเฝ้าเพียรสอบอยู่ถึง 3 ครั้งถึงจะได้เป็นครูสมใจ

หลังจากนั้นครูชรวยได้นำความรู้ที่ได้ เลือกไปเป็นครูที่โรงเรียนป่าซางงาม อ.แม่จัน ซึ่งเป็นโรงเรียนที่ทุนกันดารต้องเดินเท้าเข้าไปถึง 20 กิโลเมตร ทั้งโรงเรียนมีครูอยู่เพียง 2 คน


แม้จะลำบากครูชรวยก็ไม่ได้ย่อท่อ พร่ำบ่น เพราะตั้งใจที่จะให้เด็กที่อยู่ห่างไกลได้รับการศึกษา ซึ่งครูชรวยได้เล่าว่าสมัยเป็นครูนั่นลำบากมาก ไม่มีอะไรจะกินถึงขนาดต้องกินข้าวเหนียวกับนมข้น จนกระทั่ง 4 ปีผ่านไปร่างกายรับไม่ไหว ครูชรวยเป็นโรคกระเพาะกำเริบอย่างรุนแรง จนต้องเลิกจากการเป็นครูชนบท แล้วเบนเข็มชีวิตมาสอบบรรจุเป็นครูในเมือง ที่จังหวัดเชียงใหม่ในช่วงเวลาต่อมา


ชรวย ณ สุนทร


ถึงจะย้ายมาอยู่กินที่เชียงใหม่แต่ชรวยก็ยังคงยึดอาชีพครูเป็นหลัก แต่ด้วยภาระหน้าที่ที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งภรรยาก็กำลังจะมีบุตร ครูชรวยจึงคิดหารายได้เสริมโดยการนำกาบมะพร้าวที่ลอยน้ำมาทำงานหัตถกรรมขาย และสิ่งนั้นก็ทำให้ชีวิตของเขาต้องพลิกผันกลายเป็นชรวย เจ้าของบ้านมหัศจรรย์ บ้าน 100 อัน 1,000 อย่างในทุกวันนี้

เพราะเมื่อเจ้าหน้าที่ด้านงานส่งเสริมหัตกรรมมาเห็นผลงาน และได้ขอยืมผลงานไปส่งประกวด โดยที่ชรวยเองก็ไม่รู้มาก่อน จนกระทั่ง 3 วันต่อมาเจ้าหน้าที่ผู้นั้นกลับมา ผลงานของครูชรวยได้รับรางวัลที่ 1 ในงานประกวดหัตถกรรมด้วยวัสดุเหลือใช้

ความปลื้มปิติดีใจได้กลายเป็นแรงบันดาลใจ ให้ครูชรวยได้คิดสร้างสรรค์ผลงานออกมาขายอีกมากมาย ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานครูชรวยก็ลาออกจากการเป็นครู เพราะด้วยความเป็นคนตรงไปตรงมา พูดจาโผงผางขวานผ่าซาก ทำให้เขาไม่สามารถทนอยู่ในระบบราชการได้อีกต่อไป

ในปี พ.ศ. 2521 ด้วยใจหัวใจที่รักในงานศิลปะชรวยได้ไปกู้เงินก้อนหนึ่งมาลงทุนซื้อบ้านเพื่อมาทำเป็นสถานที่สะสมงานแกะสลักโดยเฉพาะ ซึ่งช่วงที่รวบรวมสะสมงานแกะสลักไม้ ชรวยถูกชาวบ้านบางคนเรียกขานเป็น"ครูผีบ้า"เพราะเขาได้ไปซื้อยุ้งข้าว ที่ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นยุ้งของผีปอบ ผีกะ มาจำนวน 3 หลัง เพื่อใช้เป็นที่สะสมงานศิลปะ ซึ่งชาวบ้านต่างเชื่อว่ามันคือสิ่งอัปมงคลที่จะทำให้ผู้อยู่อาศัยพินาศวิบัติ

แต่สำหรับชรวยแล้วกับแตกต่างออกไป เพราะเขาเชื่อว่าสิ่งที่ทำนั้นทำโดยบริสุทธิ์ใจเพื่อเป็นวิทยาทานแก่ลูกหลาน ซึ่งก็ทำให้เขาอยู่อย่างสบายมาจนทุกวันนี้โดยไม่ได้ประสบกับภัยพิบัติใดๆ ตามคำร่ำลือ แถมยังถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 จนมีเงินทุนมาสร้างสิ่งที่เขารักต่อ

Taxi Chiangmai: 0816172116 (oversea ++66 81 6172116) Patrick, Local with English speaking

งานแกะสลักส่วนใหญ่หาดูไม่ได้จากที่ใดในโลก

สร้างสรรค์หัตถกรรม บ้าน 100 อัน 1,000 อย่าง

หลังการสะสมงานไม้แกะสลักที่วิจิตรงดงามมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้คนเริ่มรู้จักชรวยมากขึ้น ซึ่งในยุคนั้นเขายังไม่ได้เปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวให้คนเที่ยวชมอย่างจริงจังแต่อย่างใด กระทั่งในปี พ.ศ. 2540 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จมาเยี่ยมชมผลงานการแกะสลักที่บ้านของเขา ซึ่งยังความปลื้มปิติให้กับชรวยเป็นอย่างมาก ทำให้ชรวยได้เปิดบ้านของเขาที่ได้เก็บสะสมงานศิลปะมาร่วม 30 ปี เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการในชื่อ"บ้าน 100 อัน 1,000 อย่าง"ในปีเดียวกันนั้น

ช่วงแรกๆของการเปิดบ้านนั้น เป็นการเปิดให้ชมฟรี แต่ว่าก็ทำให้ชรวยต้องประสบกับการถูกคนแอบเข้ามาขโมยของเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีทัวร์มาลงเพื่อขอใช้ห้องน้ำ ทำให้งานบางส่วนถูกขโมย บางส่วนเสียหาย จนท้ายที่สุดชรวยต้องใช้วิธีเก็บค่าเข้าชมเพื่อเป็นการคัดผู้เข้าชมไปในตัว แต่หากใครที่เบี้ยน้อยหอยน้อยหรือพาหมู่คณะมาเพื่อศึกษาหาความรู้ก็สามารถติดต่อล่วงหน้าเป็นพิเศษกับชรวยได้

สำหรับงานไม้แกะสลักและงานศิลปะในบ้าน 100 อัน 1,000 อย่างนั้น จัดแสดงในลักษณะแกลลอรี่กึ่งพิพิธภัณฑ์ ที่จัดแสดงงานไม้แกะสลักและงานศิลปะอันวิจิตรสวยงามที่หาชมได้ยากยิ่ง ซึ่งช่างแกะสลักทั้งหลายได้ทุ่มเทจิตวิญญาณในการสร้างสรรค์งานแกะสลักออกมาอย่างละเอียดอ่อน โครงไม้ต่างๆได้ถูกช่างฝีมือแกะสลักออกมาอย่างวิจิตร ตั้งแต่กระทุ้งด้วยสิ่วที่มีความใหญ่จนกระทั่งเล็กจนเหลือปลายนิ้วและค่อยๆแกะค่อยๆสลักจนเกิดเป็นผลงานที่ล้ำค่า งานบางชิ้นใช้เวลาในการทำยาวนานหลายปีก็มี


ศิลปะแห่งงานแกะสลักที่ละเอียดอ่อนช้อย


นอกจากนี้งานศิลปะหลายๆชิ้นยังมีหลักธรรมและปรัชญาแห่งงานศิลป์แอบแฝงอยู่ ซึ่งในบ้าน 100 อัน 1,000 อย่างมีการแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วนด้วยกัน

ส่วนแรกคือ บริเวณชั้นล่าง เป็นส่วนจัดแสดงและจัดจำหน่ายที่มากไปด้วยงานไม้แกะสลักอันวิจิตรบรรจงเป็นจำนวนมาก

ส่วนที่ 2 ตั้งแต่ชั้น 2 ขึ้นไปถึงชั้น 4 เป็นส่วนงานอนุรักษ์ที่หากมีการติดต่อล่วงหน้า ชรวย ก็จะมาทำหน้าที่วิทยากรบรรยายถึงที่มาที่ไปรวมถึงหลักธรรมและปรัชญาที่แฝงเร้นอยู่ในงานไม้แกะสลักและงานศิลปะอย่างสนุกสนานออกรสออกชาติ ที่นอกจากจะได้ความรู้แล้วยังได้แนวคิดในการดำเนินชีวิตอีกด้วย

สำหรับงานศิลปะอันโดดเด่นในบ้าน 100 อัน 1,000 อย่างก็มี เช่น ห้องพระ(ชั้น 2)ที่โดดเด่นไปด้วย พระพุทธรูปแกะสลักไม้สมเด็จพุฒาจารย์โต หลวงปู่แหวน ครูบาศรีวิชัย ขันโตกเก่า กลองโบราณ ฯลฯ ห้องราคะศิลป์(ชั้น 2) ที่โดดเด่นไปด้วยรูปแกะสลักและงานศิลป์เชิงสังวาสที่หากดูผ่านๆหลายๆคนอาจจะเห็นเป็นงานลามกอนาจาร แต่หากฟังจากคำอธิบายของชรวยแล้วก็จะรู้ว่านี่คืองานศิลปะที่แฝงไว้ด้วยปรัชญาและหลักธรรมที่ช่วยให้มนุษย์ลด ละ เลิก กิเลส ตัณหาได้เป็นอย่างดี



ใส่จิตวิญญาณลงในงานศิลป์

นอกจากนี้ก็ยังมีห้องสัจธรรม(ชั้น3)ที่มีการจัดแสดงงานศิลปะสื่อถึงการเวียนว่ายตายเกิดของมนุษย์ และห้องรวมรูปเคารพของพระมหากษัตริย์ไทย(ชั้น 3)ที่แสดงให้เห็นถึงพระมหากรุณาธิคุณของกษัตริย์ไทยตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันที่ทำให้มีชาติไทยในวันนี้

ในขณะที่ดาดฟ้าก็มีศาลาอโศกไว้ให้คนนั่งพักจิบชา กาแฟ ชมงานศิลปะ ท่ามกลางต้นไม้ที่ร่มรื่น ส่วนบริเวณที่โล่งข้างบ้านก็เป็นสวนแห่งสัจธรรมที่จัดไว้ให้คนมาพักผ่อน นั่งทำสมาธิ ท่ามกลางแมกไม้และงานศิลปะที่แฝงไว้ด้วยปรัชญาเป็นจำนวนมาก

และนี่เป็นบางส่วนของงานไม้แกะสลักและงานศิลปะอันทรงคุณค่าในบ้าน 100 อัน 1,000 อย่างเท่านั้น ซึ่งงานหลายๆชิ้นหาดูไม่ได้จากที่ใดในโลก แม้จะมีคนมาขอซื้อด้วยจำนวนเงินถึงหลักสิบล้าน แต่ชรวยก็ไม่ยอมขาย เพราะเขาบอกว่า ขอเก็บไว้เป็นมรดกแก่ชนรุ่นหลังเพื่อเป็นสถานที่เรียนรู้และสัมผัสศิลปวัฒนธรรมล้านนาแท้ๆ ดังนั้นการขายไม่ใช่เรื่องยากแต่เพียงอยากให้ผลงานทุกชิ้นที่นี่อยู่คู่กับเมืองไทยต่อไปตราบจนชั่วลูกชั่วหลาน

...ในบางครั้งแสนเหนื่อยและเมื่อยล้า
ทั้งเงินตราก็ขัดสนจะหาไหน
ต้องจับจ่ายให้ช่างศิลป์ลานนาไทย
เพื่อรังสรรค์งานนี้ไว้ให้มวลชน...

ชรวย ณ สุนทร


Chiangmai Hotel Recommendation and List
Chiangrai Hotel Recommendation and List
Bangkok Hotel Recommendation and List
Phuket Hotel Recommendation and List
Central and North of Thailand Hotel Recommendation and List

Chiangmai, Chiang rai, Mae Hong Son, Pai , Nan, Sukhothai - Thailand:
Taxi, Tour services and Trip Advisor
Contact Person: Patrick 081 617 2116 (oversea call ++66 81 617 2116)
E-mail: neomart@gmail.com

Saturday, November 27, 2010

อิ่มบุญสุขใจ ไหว้พระมงคล ๙ วัดเชียงใหม่ ๓ วัน ๒ คืน

วันที่ 1 (Dinner)

ช่วงเช้า รถรับจากสนามบิน เข้าเช็คอินที่โรงแรมในตัวเมืองเชียงใหม่ จากนั้น พักผ่อนตามอัธยาศัย
1 ชม. หลังจากที่ท่านเดินทางมาถึง เริ่มออกเดินทางไปยังวัดอันมีชื่อเป็นสิริมงคลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น
(๑.)วัดดับภัย
(๒.)วัดลอยเคราะห์
(๓.)วัดดวงดี
(๔.)วัดหมื่นเงินกอง และ
(๕.)วัดชัยมงคล

อิ่มเอมใจไปกับการทำบุญ อุทิศส่วนบุญส่วนกุศล รับศีล รับพร ปล่อยนก ปล่อยปลา ชำระล้างจิตใจให้บริสุทธิ์ผ่องใส ก่อนกลับเข้าโรงแรม พักผ่อนด้วยความสบายใจ
19.00 น. อิ่มอร่อยกับอาหารพื้นเมืองเหนือไม่ว่าจะเป็น แคบหมู น้ำพริกอ่อง แกงฮังเล หมี่กรอบ ฯลฯ แบบขันโตก ณ คุ้มขันโตก
พร้อมชมการแสดงฟ้อนรำตามแบบฉบับชาวล้านนาและการแสดง ของชาวเขาเผ่าต่างๆอันแสนประทับใจ
21.30 น. กลับที่พัก

วันที่ 2 (Breakfast, lunch)

9.00 น. รถรับจากที่พัก เดินทางไป
(๖.)วัดบ้านเด่น นมัสการครูบาเทือง เจ้าอาวาสผู้เคร่งครัดวินัย อ่อนน้อมถ่อมตนและบำเพ็ญบุญบารมีตามรอยครูบาศรีวิชัย นอกจากนี้ ที่วัดนี้ ผู้แสวงบุญยังสามารถไหว้สาพระธาตุปีเกิดใช้เวลาเพียงครึ่งวัน สามารถสักการะได้ครบทั้ง 12 ปีนักษัตรภายในวัดเดียว จากนั้น เดินทางไปอีกนิดเพื่อนมัสการ
(๗.) วัดป่าอรัญวิเวก วัดป่าที่พระเบิร์ดเคยอุปสมบท

12.00 น. พักรับประทานอาหารกลางวัน
13.00 น. เยือน
(๘.)วัดถ้ำเชียงดาว ถ้ำขนาดใหญ่ที่มีความสวยงาม และชมวัดในถ้ำที่น่าอัศจรรย์ใจ รวมถึงหินที่มีรูปร่างต่างๆ เช่น พระพุทธรูป และรูปสัตว์ ที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติอันน่าตื่นตาตื่นใจ อีกทั้งยังสามารถมองเห็นดอยหลวงเชียงดาวที่มีความสูงรองลงมาจากดอยอินทนนท์เป็นฉากหลังของถ้ำ
17.00 น. กลับที่พัก รับประทานอาหารเย็น (ตามอัธยาศัย) จากนั้น พักผ่อนด้วยความสบายใจ


วันที่ 3 (Breakfast, lunch)

9.00 น. หลังจากรับประทานอาหารเช้า เช็คเอาท์จากที่พัก จากนั้นเดินทางไป
(๙.)วัดพระธาตุดอยสุเทพ ปูชนียสถานคู่เมืองเชียงใหม่ นักท่องเที่ยวซึ่งเดินทางมาที่จังหวัดนี้จะต้องขึ้นไปนมัสการพระบรมธาตุกันทุกคน ถ้าหากใครไม่ได้ขึ้นไปนมัสการแล้ว ถือเสมือนว่ายังมาไม่ถึงเชียงใหม่

12.00 น. พักรับประทานอาหารกลางวัน
13.00 น. เยี่ยมชมบ่อสร้างสันกำแพง เลือกซื้อเลือกชมหัตถกรรมท้องถิ่น มีโรงงานและร้านค้าของที่ระลึกเป็นจำนวนมาก เช่น เครื่องไม้แกะสลัก เครื่องเงิน เครื่องเขิน เครื่องหนัง เครื่องปั้นดินเผา และผ้าไหม/ผ้าฝ้าย ให้นักท่องเที่ยวได้ชมและเลือกซื้ออีกด้วย จากนั้น ไปกาดวนัสนันท์ หาซื้อของฝากกันต่ออย่างจุใจ ไม่ว่าจะเป็นแคบหมู น้ำพริกหนุ่ม ไส้อั่ว ฯลฯ
16.00 น. เดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ

ราคา : ท่านละ 4,900 บาท (อย่างน้อย 2 ท่าน และสามารถนอนร่วมห้องกันได้นะคะ)
บริการด้วยรถเก๋งส่วนตัว พร้อมคนขับ ที่มีอัธยาสัยดี ชำนาญเส้นทาง
จอง 0816172116 พงศ์ศักดิ์

ราคานี้รวม

* ที่พักพร้อมอาหารเช้า
* มื้ออาหารตามที่ระบุ คือ วันแรก มื้อเย็น วันที่ 2-3 เช้า/กลางวัน
* รถรับส่งสนามบินและที่อื่นๆในตัวเมืองเชียงใหม่
* การท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆดังที่ระบุในโปรแกรม
* ขันโตก และการแสดงทางวัฒนธรรม

ราคานี้ไม่รวม

* ตั๋วเครื่องบินและภาษีสนามบิน
* ค่าใช้จ่ายส่วนตัว เช่น ค่าซักรีด ทิป เครื่องดื่ม ฯลฯ
* ค่าใช้จ่ายอื่นๆที่ไม่ระบุในโปรแกรม

จอง 081 617 2116 พงศ์ศักดิ์ Taxi Chiangmai

Chiangmai Hotel Recommendation and List
Chiangrai Hotel Recommendation and List
Bangkok Hotel Recommendation and List
Phuket Hotel Recommendation and List
Central and North of Thailand Hotel Recommendation and List

Chiangmai, Chiang rai, Mae Hong Son, Pai , Nan, Sukhothai - Thailand:
Taxi, Tour services and Trip Advisor
Contact Person: Patrick 081 617 2116 (oversea call ++66 81 617 2116)
E-mail: neomart@gmail.com
Rental a private car with an English Speaking Driver, touring Northern or around Thailand

Suitable for a honeymoon couple or small group of friends who don't like to bother getting lost in this valuable and limited time vacation in Thailand

Rental Fare: Min 2-3 days - charge of 7.500 Baht including Gasoline and driver
-additional day 4-15 days - 1.200 Baht upcharge per additional day
-additonal day 16 onwards - 1,000 Baht upcharge per additonal day
Remark: Driver would take care of his own foods and accomodation.

Booking available at mobile phone 081 617 2116 (oversea call ++66 81 617 2116) Patrick หรือ neomart@gmail.com


รถเช่าพร้อมคนขับ สำหรับ Honeymoon หรือท่องเที่ยว ทั่วไทย

นักท่องเที่ยวไม่น้อยที่นิยมการเดินทางโดยรถยนต์ แต่ไม่ชอบขับรถเอง รถเช่าพร้อมคนขับจึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เช่น รถลิมูซีน ที่จะทำให้คุณเพลิดเพลินกับการเดินทางที่สะดวกสบาย ได้ชมบรรยากาศโดยรอบในระหว่างการเดินทาง อยากจะแวะเที่ยวที่ไหนระหว่างทางก็สามารถทำได้ เหมาะสำหรับการเดินทางแบบครอบครัวเล็ก เพื่อนฝูงสนิท

เรามีรถส่วนบุคคล บริการเที่ยวทั่วภาคเหนือ และ ทั่วไทย
-คิดค่าบริการเหมา 2-3 วัน 7.500 บาท รวมน้ำมัน และคนขับ
-เพิ่มวันที่ 4-15 วันละ 1,200 บาท
-เพิ่มวันที่ 16 ขึ้นไป วันละ 1,000 บาท
หมายเหตุ คนขับจะดูแลเรื่องกิน กับ ที่พักเอง

สนใจจองได้ที่ พงศ์ศักดิ์ 081 617 2116 หรือ neomart@gmail.com

Chiangmai Hotel Recommendation and List
Chiangrai Hotel Recommendation and List
Bangkok Hotel Recommendation and List
Phuket Hotel Recommendation and List
Central and North of Thailand Hotel Recommendation and List

Chiangmai, Chiang rai, Mae Hong Son, Pai , Nan, Sukhothai - Thailand:
Taxi, Tour services and Trip Advisor
Contact Person: Patrick 081 617 2116 (oversea call ++66 81 617 2116)
E-mail: neomart@gmail.com

Thursday, August 12, 2010

"กทม."คว้ารางวัลเมืองน่าท่องเที่ยวที่สุดในโลกปี2010
"เชียงใหม่"คว้ารางวัล อันดับ2 เมืองน่าท่องเที่ยวที่สุดในโลกปี 2010

วันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 เวลา 16:52:10 น. มติชนออนไลน์

เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เป็นประจำทุกปีที่ นิตยสารเทรเวล แอนด์ เลชเชอร์ (Travel & Leisure ) นิตยสารด้านการท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในประเทศสหรัฐอเมริกา ที่อยู่ในเครือของ อเมริกัน เอ็กซ์เพรส (American Express) จะทำการประกาศผลหลังจากที่ทำการออกแบบสอบถามผู้อ่านให้จัดลำดับแบ่งตามประเภทรางวัล อาทิ เมืองที่ดีที่สุด หมู่เกาะที่ดีที่สุด โรงแรมที่ดีที่สุด สายการบินนานาชาติที่ดีที่สุด เป็นต้น


สำหรับรางวัลเมืองท่องเที่ยวที่ดีที่สุดประจำปี 2010 ของทางนิตยสารนี้ คือ
รางวัลเมืองท่องเที่ยวที่ดีที่สุดของโลก หรือ World’s Best Award ประจำปี 2010 ได้แก่
1. กรุงเทพมหานคร Bangkok Hotel Recommendation and List
2. เชียงใหม่ ของประเทศไทย
3. ฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี ตามลำดับ

Asia

RANK NAME SCORE

1 Bangkok 90.30

2 Chiang Mai, Thailand 89.35

3 Kyoto, Japan 87.43

4 Siem Reap, Cambodia 87.33

5 Udaipur, India 86.55

6 Jaipur, India 85.73

7 Hong Kong 85.64

8 Hanoi, Vietnam 85.03

9 Tokyo 84.84

10 Beijing 83.81


ทั้งนี้การพิจารณาเมืองท่องเที่ยวที่ดีที่สุดในโลกจะพิจารณาจาก
1. สถานที่ ทัศนียภาพ ความสวยงามและร่มรื่น
2. ศิลปวัฒนธรรมและประเพณี
3. อาหารการกิน
4. แหล่งช็อปปิ้ง
5. ความเป็นมิตรของผู้คน
6. ความคุ้มค่าของเงิน


ส่วนรางวัลเมืองท่องเที่ยวที่ดีที่สุดของเอเชียเรียงตามลำดับคือ
กรุงเทพมหานคร
เชียงใหม่ ประเทศไทย
และ เกียวโต ประเทศญี่ปุ่น


ข่าวแจ้งว่า คาดว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. จะเดินทางพร้อมคณะเพื่อไปรับรางวัลดังกล่าวที่จะจัดขึ้น ณ โรงแรม The Trump Soho เมืองนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ในวันที่ 21 กรกฎาคมนี้


สำหรับรางวัลเมืองน่าท่องเที่ยวที่ดีที่สุดในโลก ของนิตยสารดังกล่าว ก่อนหน้านี้ ในปี 2008 กรุงเทพมหานคร ก็เคยได้ครองแชมป์ เหนือเมือง บัวโนส ไอเรส แห่ง อาร์เจนติน่า และ เคป ทาวน์ แห่งแอฟริกาใต้ มาแล้ว ซึ่งนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯกทม.ในสมัยนั้นก็ได้เดินทางพร้อมคณะไปรับรางวัลดังกล่าว


ขณะที่ตำแหน่งเมืองน่าเที่ยวระดับโลก ในปี 2009 กรุงเทพฯ ตกมาอยู่อันดับที่ 3 รองจาก เมืองอุไดเปอร์ ประเทศอินเดีย และเคปทาวน์ แห่งแอฟริกาใต้ ตามลำดับ ส่วนเมืองน่าเที่ยวแห่งเอเชีย นั้นกรุงเทพฯ อยู่อันดับที่สอง และเชียงใหม่อยู่ดับดับที่สาม ส่วนที่หนึ่งตกเป็นของเมืองอุไดเปอร์ ประเทศอินเดีย


ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติม ว่า รู้สึกดีใจที่ได้รางวัลนี้ และจะเดินทางไปรับรางวัลด้วยตัวเอง ส่วนเหตุผลที่กทม. ยังได้รางวัลอันดับ1เมืองน่าเที่ยวที่สุดในโลกและเอเชีย ทั้งๆที่ ปีนี้มีข่าวการชุมนุมทางการเมืองตลอดทั้งปี ผู้วาฯ กทม. กล่าวว่า ถือเป็นความโชคดีที่นิตยสารดังกล่าวปิดโหวตไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งเพิ่งเริ่มต้นมีการชุมนุมทางการเมืองในประเทศไทย

Chiangmai Hotel Recommendation and List
Chiangrai Hotel Recommendation and List
Bangkok Hotel Recommendation and List
Phuket Hotel Recommendation and List
Central and North of Thailand Hotel Recommendation and List

Chiangmai, Chiang rai, Mae Hong Son, Pai , Nan, Sukhothai - Thailand:
Taxi, Tour services and Trip Advisor
Contact Person: Patrick 081 617 2116 (oversea call ++66 81 617 2116)
E-mail: neomart@gmail.com

Tuesday, June 08, 2010



วัดแรกคือ วัดบ้านเด่นสะหรีศรีเมืองแกน อ.แม่แตง
วัดบ้านเด่นสะหรีศรีเมืองแกน เดิมชื่อวัด “หรีบุญเรือง” สร้างเมื่อ พ.ศ. 2437 บริเวณที่ตั้งเป็นเนินเขาเตี้ยๆ ซึ่งเป็นที่สูงกว่าพื้นที่ในหมู่บ้าน ภายใต้เนินเขามีถ้ำซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ชาวบ้านละแวกนั้นมีความเคารพนับถือจึงเรียกว่า “วักบ้านเด่น”
ครูบาไชยา วัดป่าป้อง อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ได้มาเป็นองค์ประธานริเริ่มก่อสร้างวัดบ้านเด่น ได้กราบอาราธนานิมนต์ ครูบาเจ้าเทือง นาถสีโล วัดหัวคง ตำบลขัวมุง อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ มาเป็น ประธานในการก่อสร้างศาสนสถานและศาสนสมบัติทั้งหมดภายในวัดตลอดจนถึงปัจจุบัน

ที่มา : http://www.muangkaen.org

วัด บ้านเด่นอยู่ไม่ไกลจาก ตัวเมืองเชียงใหม่มาก ระยะทางประมาณ lสามสิบกว่า กิโล ขับรถ กำลังสบาย

แนะนำ ให้ จัดทริป รวมกับการไปเที่ยวเขื่อนแม่งัด เพราะ ไปทางเดียวกัน

ครูบาเทือง โดยสังเขป

ครูบาเทือง นาถสีโล (พระครูไพศาลพัฒนโกวิท) เจ้าอาวาส วัดเด่นสะหรีศรีเมืองแคน อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ อายุ ๔๑ ปี พรรษา ๒๑ แม้ว่าทั้งอายุและพรรษาไม่มาก แต่ท่านมีปฏิปทา น่ากราบไหว้ สงบเสงี่ยม หากจะประมวลภาพรวมความเป็น ครูบาของท่าน จะได้ดังนี้

"ครูบาอ่อนน้อมถ่อมตน-ฝึกฝนปฏิบัติ-เคร่งครัดพระธรรมวินัย-จิตใจ สุขุมเยือกเย็น-บำเพ็ญบารมี-ทำความดีเป็นนิจ-จิตเมตตาเสมอ"

ตั้งแต่บวชเป็นสามเณรจนกระทั่งบวชเป็นพระ ครูบาเทือง ได้บำเพ็ญบุญบารมี ตามรอยแห่งครูบา ศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนาทุกประการ ถ้าพูดถึงทานการบริจาค ครูบาสามารถสร้างศาสนสถาน ถาวร วัตถุ ไม่แต่เฉพาะใน จ.เชียงใหม่ เท่านั้น ทุกจังหวัดในภาคเหนือครูบา ได้ประดิษฐานพระพุทธ ศาสนาอย่างทั่วถึงและมั่นคง ท่านสร้างทั้งโบสถ์ วิหาร เจดีย์ พระพุทธปฏิมา ศาลากุฏิสงฆ์ ฯลฯ

ในด้านการปฏิบัติ ครูบานับเป็นพระสงฆ์รูปหนึ่งที่เข้าถึงธรรม โดยวิธีปฏิบัติธรรมอย่างจริงจังเคร่ง ครัด โดยเฉพาะวิปัสสนากรรมฐาน ในด้านการบำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคม ครูบาเสียสละปัจจัยไทย ธรรมที่มีผู้ถวาย บริจาคช่วยเหลือแก่ส่วนราชการ องค์กร ชมรม สโมสร ประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะ ชาวไทยภูเขา ตั้งแต่ข้าว ผ้า ยา บ้าน การศึกษา น้ำประปา ไฟฟ้า ถนนหนทาง มากมายมหาศาล

"เป็นพระต้องพูดจริง ต้องทำจริง และต้องรู้จริง" เป็นคติธรรม ที่ครูบาเทืองยึดปฏิบัติเรื่อยมาผลจาก ความจริงที่ท่านบำเพ็ญ เพียรภาวนา ทั้งปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวช เทศนา พัฒนาชุมชนบน พื้นฐานของข้อ วัตรปฏิบัติที่ปราศจากการใส่ร้ายป้ายสีโจมตีบีทา ครูบารักษาศีล ไม่เห็นแก่กิน ไม่เห็นแก่นอน ฝึก สอนใจตนเอง ตลอดเวลา รวมทั้งการเสียสละสร้างศรัทธา นำพาถูกต้องปรอง ดองให้เห็น ดีเด่นใน คุณธรรม

ที่มา : http://www.komchadluek.net

----------------------------------------------------------------
วัด ที่สอง วัดโขงขาว ตำบลบ้านแหวน อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่

วัด โขงขาว เป็นวัดที่สร้างขึ้นสมัยเจ้าแม่จามเทวี กษัตริย์ผู้ครองเมืองหริภุญไชยเป็นผู้สร้างเสนาสนะถาวรวัตถุที่สำคัญของวัด

ปัจจุบัน มี "พระครูปิยะรัตนาภรณ์" เป็นเจ้าอาวาส
มาชมกันเลยครับ

Monday, March 15, 2010

Lost Territory of Thailand for 14 times in order to maintain the independence of Siam or Thailand

การเสียดินแดนของไทย

English Version


"เสียครั้งแรกเกาะหมากจากแผนผัง
เขาเปลี่ยนเป็นปีนังจำได้ไหม
นั่นแหละจากขวานทองเล่มของไทย
หนึ่งร้อยกว่าตารางไมล์หลักฐานมี "

ครั้ง ที่ 1 เกาะหมาก(ปีนัง) เสียให้กับประเทศอังกฤษ เมื่อ 11 สิงหาคม 2329 พื้นที่ 375 ตร.กม. ในสมัย ร.1 เกิดจาก พระยาไทรบุรี ให้อังกฤษเช่าเกาะหมากเพื่อหวังจะขอให้อังกฤษคุ้มครองเกาะหมากจากกองทัพ ของกรมพระราชวังบวรสถานมงคล ซึ่งยกทัพมาจัดระเบียบหัวเมืองปักษ์ใต้ ในที่สุดอังกฤษก็ยึดเอาไป



"ครั้งที่สองเสียซ้ำยังจำได้
เสียมะริดและทวายตะนาวศรี
ปีสองพันสามร้อยยี่สิบหกโชคไม่ดี
เสียเนื้อที่กว่าสองหมื่นตารางไมล์ "

ครั้ง ที่ 2 มะริด ทวาย ตะนาวศรี ให้กับพม่า เมื่อ 16 มกราคม 2336 พื้นที่ 55,000 ตร.กม. ในสมัย ร.1 แต่เดิมเป็นของไทยครั้งสมัยสุโขทัย มังสัจจา เจ้าเมืองทวายเป็นไส้ศึกให้พม่า รัชกาลที่ 1 ไม่สามารถตีคืนจากพม่าได้ ประกอบกับชาวเมืองทวายไม่พอใจกองทัพไทยที่เข้ายึดครอง จึงตกเป็นของพม่าไป



"ครั้งที่สามบันทายมาศถูกตัดเฉือน
แล้วเปลี่ยนเป็นฮาเตียนตั้งชื่อใหม่
ปีสองพันสามร้อยหกสิบสามแสนช้ำใจ
เสียเนื้อที่เท่าไรไม่ปรากฎในบทความ "


ครั้งที่ 3 บันทายมาศ(ฮาเตียน) ให้กับฝรั่งเศส เมื่อ พ.ศ.2336 ในสมัยรัชกาลที่ 2



"ครั้งที่สี่เจ็บแค้นเสียแสนหวี
กินเนื้อที่ถึงเชียงตุงเหนือกรุงสยาม
ตั้งหกหมื่นตารางกิโลโถมันทำ
ใครสร้างกรรมเดี๋ยวนี้เห็นดีกัน"

ครั้ง ที่ 4 แสนหวี เมืองพง เชียงตุง ให้กับพม่าเมื่อ พ.ศ.2368 พื้นที่ 62,000 ตร.กม.ในสมัย รัชกาลที่ 3 แต่เดิมเราได้ดินแดนนี้มาในสมัยรัชกาลที่ 1 โดยพระเจ้ากาวิละ ยกทัพไปตีมาขึ้นอยู่กับไทยได้ 20 ปี เนื่องจากเป็นดินแดนที่อยู่ห่างไกลประกอบกับเกิดกบฏเจ้าอนุเวียงจันทร์และ เกิดกบฏทางหัวเมืองปักษ์ใต้(กลันตัน ไทรบุรี) ไทยจึงห่วงหน้าพะวงหลัง ไม่มีกำลังใจจะยึดครอง หลังจากนั้นพม่าเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ เชียงตุงก็เป็นของอังกฤษโดยสิ้นเชิง




"ครั้งที่ห้ามาเสียรัฐเปรัค
เขาหาญหักผลักล้มเชือดคมขวาน
ปีสองพันสามร้อยหกสิบเก้าแสนร้าวราน
ต่างหยิบขวานขึ้นถือกู้ชื่อไทย "

ครั้งที่ 5 รัฐเปรัค ให้กับอังกฤษเมื่อ พ.ศ.2369 ในสมัยรัชกาลที่ 3 เป็นการสูญเสียที่ทำร้ายจิตใจ คนไทยทั้งชาติ เพราะเป็นการสูญที่ห่างจากครั้งก่อนไม่ถึง 1 ปี



"ครั้งที่หกอกตรมเดินก้มหน้า
เสียสิบสองพันนาน้ำตาไหล
ตั้งเก้าหมื่นกิโลโถทำได้
แทบขาดใจต่อสู้ศัตรูมา"


ครั้ง ที่ 6 สิบสองปันนา ให้กับจีนเมื่อ 1 พฤษภาคม 2397 พื้นที่ 90,000 ตร.กม. ในสมัยรัชกาลที่ 4 เป็นดินแดนในยูนานตอนใต้ของประเทศจีน เมืองเชียงรุ้งเป็นเมืองหลวงของไทยสมัยรัชกาลที่ 1 ต่อมาเกิดการแย่งชิงราชสมบัติกันเอง แสนหวีฟ้า มหาอุปราชหนีลงมาพึ่งพระบรมโพธิสมภารในสมัยรัชกาลที่ 3 ได้เกณฑ์ทัพเชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน ไปตีเมืองเชียงตุง (ต้องตีเมืองเชียงตุงให้ได้ก่อนจึงจะได้เชียงรุ้ง) แต่ไม่สำเร็จเพราะไม่พร้อมเพรียงกัน มาในสมัยรัชกาลที่ 4 ได้ให้กรมหลวงลวษาธิราชสนิท (ต้นตระกูลสนิทวงศ์) ยกทัพไปตีเชียงตุงเป็นครั้งที่ 2 แต่ไม่สำเร็จจึงต้องเสียให้จีนไป


"ครั้งที่เจ็ดเสียดินแดนแคว้นเขมร
เกิดพิเรนเพราะฝรั่งกำลังบ้า
เที่ยวออกล่าเมืองขึ้นชื่นอุรา
เสียอีกหนึ่งแสนกว่าตารางกิโล"


ครั้ง ที่ 7 เขมรและเกาะ 6 เกาะ ให้กับฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2410 พื้นที่ 124,000 ตร.กม. ในสมัย ร.4 ฝรั่งเศส บังคับให้เขมรทำสัญญารับความคุ้มครองจากฝรั่งเศส หลังจากนั้นได้ดำเนินการทางการฑูตกับไทย ขอให้มีการปักปันเขตแดนเขมรกับญวน แต่กลับตกลงกันไม่ได้ ขณะนั้นพระปิ่นเกล้า แม่ทัพเรือสวรรคต ไทยจึงอ่อนแอ ฝรั่งเศสจึงฉวยโอกาสบังคับทำสัญญารับรองความอารักขาจากฝรั่งเศสต่อเขมร ในช่วงนี้เอง อังกฤษกับฝรั่งเศสได้ทำสัญญากันเมื่อ 15 มกราคม 2438 โดยตกลงกันให้ไทยเป็นรัฐกันชน ประกอบกับ การดำเนินนโยบายของ ร.5 ที่ไปประพาสยุโรปถึง 2 ครั้ง ทำให้อังกฤษ เยอรมัน รัสเซียเห็นใจไทย ฝรังเศสจึงยึดดินแดนไป


"ครั้งที่แปดเสียแคว้นดินแดนใหม่
ชื่อสิบสองจุไทยก็ใหญ่โข
เป็นเนื้อที่อีกแปดหมื่นตารางกิโล
ต้องร้องโฮใจระเ่ยเพราะเสียดาย"


ครั้ง ที่ 8 สิบสองจุไทย (เมืองไล เมืองเชียงค้อ) ให้กับฝรั่งเศส เมื่อ 22 ธันวาคม 2431 พื้นที่ 87,000 ตร.กม. ในสมัย รัชกาลที่ 5 พวกฮ่อ ก่อกบฏ ไทยจัดกำลังไปปราบ 2 กองทัพ แต่ปฏิบัติเป็นอิสระแก่กัน อีกทั้งแม่ทัพทั้งสองไม่ถูกกัน จึงเป็นโอกาสให้ฝรั่งเศสส่งทหารเข้าเมืองไล โดยอ้างว่า มาช่วยไทยปราบฮ่อ แต่หลังจากปราบได้แล้ว ก็ไม่ยอมยกทัพกลับ อีกทั้งไทยก็ไม่ได้จัดกำลังไว้ยึดครองอีกด้วย จนในที่สุด ไทยกับฝรั่งเศสได้ทำสัญญากันที่เมืองแถง(เบียนฟู) ยอมให้ฝรั่งเศสรักษาเมืองไลและเมืองเชียงค้อ




"ครั้งที่เก้าเศร้าแสนแค้นไม่สิ้น
เสียลุ่มน้ำสาละวินด้านฝั่งซ้าย
สิบสามหัวเมืองต้องจำเหมาให้เขาไป
ใครที่ทำช้ำใจไทยต้องจำ "


ครั้ง ที่ 9 ฝั่งซ้ายแม่น้ำสาละวิน ให้กับประเทศอังกฤษในสมัย รัชกาลที่ 5 ในห้วงปี 2433 เป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ทางด้านรัฐศาสตร์ เศรษฐกิจและทรัพยากร อันอุดมด้วยดินแดนผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์ยิ่ง




"ครั้งที่สิบเลียบลำแม่น้ำโขง
ถูกเขาโกงฝั่งซ้ายเพราะไทยถลำ"

ครั้ง ที่ 10 ฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง (อาณาจักรล้านช้าง หรือประเทศลาว) ให้กับฝรั่งเศส เมื่อ 3 ตุลาคม 2436 พื้นที่ 143,000 ตร.กม. ในสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นของไทยมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนเรศวร ต้องเสียให้กับฝรั่งเศสตามสัญญาไทยกับฝรั่งเศส เท่านั้นยังไม่พอ ฝรั่งเศสเรียกเงินจากไทย 1 ล้านบาท เป็นค่าเสียหายที่ต้องรบกับไทย เสียค่าประกันว่าไทยต้องปฏิบัติตามสัญญาอีก 3 ล้านบาท และยังไม่พอฝรั่งเศสได้ส่งทหารมายึดเมืองจันทบุรีและตราด ไว้ถึง 15 ปี นับว่าเป็นความเจ็บปวดที่สุดของไทยถึงขนาดที่เจ้านายฝ่ายในต้องขายเครื่อง แต่งกายเพื่อนำเงินมาถวาย ร.5 เป็นค่าปรับ ร.5 ต้องนำถุงแดง(เงินพระคลังข้างที่) ออกมาใช้



"ครั้งที่สิบเอ็ดเสียฝั่งขวานั่งหน้าดำ
มันเจ็บช้ำฝังจำอยู่กลางใจ"

ครั้ง ที่ 11 ฝั่งขวาแม่น้ำโขง(ตรงข้ามเมืองหลวงพระบาง ดินแดนในทิศตะวันออกของน่าน,จำปาศักดิ์ ,มโนไพร)ให้กับฝรั่งเศสเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2446 พื้นที่ 25,500 ตร.กม. ในสมัย.ร.5ไทยทำสัญญากับฝรั่งเศสเพื่อขอให้ฝรั่งเศสคืนจันทบุรีให้ไทย แต่ฝรั่งเศสถอนไปแต่จันทบุรีแล้วไปยึดเมืองตราดแทนอีก 5 ปี แล้วเมื่อฝรั่งเศสได้หลวงพระบางแล้วยังลุกล้ำบ้านนาดี,ด่านซ้าย จ.เลย และยังได้เอาศิลาจารึกที่พระเจดีย์ศรีสองรักษ์ไปด้วย




"ครั้งที่สิบสองใจรันทดเพราะหมดท่า
เสียมณฑลบูรพาอีกจนได้
เขามาพรากจากแหลมทองถิ่นของไทย
อีกสองหมื่นตารางไมล์โดยประมาณ "

ครั้ง ที่ 12 มลฑลบูรพา(พระตะบอง,เสียมราฐ,ศรีโสภณ) ให้กับฝรั่งเศส เมื่อ 23 2449 พื้นที่ 51,000 ตร.กม. ในสมัย ร.5 ไทยได้ทำสัญญากับฝรังเศส เพื่อแลกกับ ตราด,เกาะกง,ด่านซ้าย ตลอดจนอำนาจศาลไทยที่จะบังคับต่อคนในบังคับของฝรั่งเศสในประเทศไทย เพราะขณะนั้นมีคนจีนญวนไปพึ่งธงฝรั่งเศสกันมากเพื่อสิทธิการค้าขาย ฝรั่งเศสก็เพียงแต่ถอนทหารออกจากตราดเมื่อ 6 กรกฎาคม 2450 กับด่านซ้าย คงเหลือแต่เกาะกงไม่คืนให้ไทย





"ครั้งที่สิบสามเสียตรังกานูไทรบุรี
ในแผนที่มองเห็นเป็นหลักฐาน
ไปถึงปะลิสติดรัฐกลันตัน
อีกสามหมื่นโดยประมาณตารางไมล์"


ครั้งที่ 13 ในสมัยรัชกาลที่ เสียหัวเมืองมลายู
(รัฐกลันตัน ตรังกานู ปะลิส และไทรบุรี) เมื่อ พ.ศ. 2451 ให้กับอังกฤษ
จำนวนพื้นที่ 80,000 ตารางกิโลเมตร
เพื่อแลกกับอังกฤษยกเลิกสิทธิภาพนอกอาณาเขต
และให้ไทยกู้เงินเพื่อสร้างทางรถไฟสายใต้ ปัจจุบันเป็นของมาเลเซีย




"ครั้งที่สิบสี่เสียเขาพระวิหาร
ปัจจุบันเป็นของเขมรท่านเห็นไหม"


ครั้ง ที่ 14 เขาพระวิหาร ให้กับเขมรเมื่อ 15 มิถุนายน 2505 พื้นที่ 2 ตร.กม. ในสมัย ร.9 ตามคำพิพากษาของศาลโลก ให้เขาพระวิหารตกเป็นของเขมร เนื่องมาจากหลักฐานสำคัญของเขมร ในสมัยที่เป็นของฝรั่งเศส เมื่อรู้ว่ากรมพระยาดำรงราชานุภาพจะเสด็จเขาพระวิหาร จึงไปก่อนแล้วชักธงชาติฝรั่งเศสรับเสด็จ แล้วจึงถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน จึงนำมาใช้เป็นหลักฐานสำคัญที่แสดงต่อศาลโลก


รวมพื้นที่ที่เสียไป 782,877 ตร.กม.
จากพื้นที่ 1,294,992 ตร.กม. ในอดีต
ปัจจุบันเรามีพื้นที่ให้เหยียบกันอยู่เพียง 512,115 ตร.กม.
เหลือน้อยกว่าที่เราเสียไปซะอีก

Thursday, February 25, 2010

วัดบ้านเด่นสะหรีศรีเมืองแกน เดิมชื่อวัด “หรีบุญเรือง” สร้างเมื่อ พ.ศ. 2437

เป็นวัดสวยที่สร้างขึ้นด้วยศิลปล้านนาประยุกต์ ตั้งเด่นบนเนินเตี้ยๆเห็นได้แต่ไกล ภายใต้เนินนั้นเป็นถ้ำศักสิทธิ์ ที่ชาวบ้านนับถือจึงเรียกกันว่า "วักบ้านเด่น" เป็นวัดที่มีความวิจิตรงดงามตระการตาด้วยศิลปสถาปัตยกรรมไทยล้านนา ภายใต้แนวคิดที่ว่าให้เป็นสถานที่พักผ่อนทางจิตใจมากกว่าการประกอบพิธีกรรม ทางศาสนา จึงเป็นธรรมกุศสโลบาย ในการสร้างวัดให้งดงาม เพื่อดึงดูดผู้คนให้เข้าวัด ชมความสวยงามที่แฝงไว้ด้วยคติธรรม เป็นการชักนำชาวโลกยุคนี้ให้ใกล้ชิดศาสนา และซึมซับในคำสอนขององค์พุทธศาสดา พร้อมๆไปกับการเที่ยวชมพุทธสถานแห่งนี้ และยังเป็นสถานที่นมัสการพระธาตุประจำปีเกิดทั้ง 12 ราศี

ภายใน วัดบ้านเด่นสะหรีศรีเมืองแกน มี อุโบสถ หอไตร หอกลอง วิหารเสาอินทขิล กุฏิไม้สักทองทรงล้านนา พระวิหาร พระสถูปเจดีย์ โดยครูบาเจ้าเทือง นาถสีโล (พระครูไพศาลพัฒนโกวิท) วัดหัวคง ตำบลขัวมุง อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ ได้รับนิมนต์จาก ครูบาไชยา วัดป่าป้อง อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ มาเป็นประธานในการก่อสร้างศาสนสถานและศาสนสมบัติทั้งหมด ภายในวัดตลอดจนถึงปัจจุบัน ด้วยความที่ท่านเป็นพระที่มีปฏิปทา น่ากราบไหว้ แม้ท่านจะมีอายุไม่มากนัก แต่ก็ได้รับความเลื่อมใสศรัทธาจากผู้คนทั่วไปร่วมถวายปัจจัยสมทบทุนสร้าง ศาสนสถานที่สวยงาม และยิ่งใหญ่ เป็นที่รู้จักของผู้คนจากทุกสารทิศในเวลาไม่นานบริเวณที่ตั้งเป็นเนินเขาเตี้ยๆ ซึ่งเป็นที่สูงกว่าพื้นที่ในหมู่บ้าน ภายใต้เนินเขามีถ้ำซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ชาวบ้านละแวกนั้นมีความเคารพนับถือจึงเรียกว่า “วักบ้านเด่น”
ครูบาไชยา วัดป่าป้อง อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ได้มาเป็นองค์ประธานริเริ่มก่อสร้างวัดบ้านเด่น ได้กราบอาราธนานิมนต์ ครูบาเจ้าเทือง นาถสีโล วัดหัวคง ตำบลขัวมุง อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ มาเป็น ประธานในการก่อสร้างศาสนสถานและศาสนสมบัติทั้งหมดภายในวัดตลอดจนถึงปัจจุบัน

ประวัติ ครูบาเทือง โดยสังเขป

ครูบาเทือง นาถสีโล (พระครูไพศาลพัฒนโกวิท) เจ้าอาวาส วัดเด่นสะหรีศรีเมืองแคน อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ อายุ ๔๑ ปี พรรษา ๒๑ แม้ว่าทั้งอายุและพรรษาไม่มาก แต่ท่านมีปฏิปทา น่ากราบไหว้ สงบเสงี่ยม หากจะประมวลภาพรวมความเป็น ครูบาของท่าน จะได้ดังนี้

"ครูบาอ่อนน้อมถ่อมตน-ฝึกฝนปฏิบัติ-เคร่งครัดพระธรรมวินัย-จิตใจสุขุมเยือกเย็น-บำเพ็ญบารมี-ทำความดีเป็นนิจ-จิตเมตตาเสมอ"

ตั้งแต่ บวชเป็นสามเณรจนกระทั่งบวชเป็นพระ ครูบาเทือง ได้บำเพ็ญบุญบารมี ตามรอยแห่งครูบา ศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนาทุกประการ ถ้าพูดถึงทานการบริจาค ครูบาสามารถสร้างศาสนสถาน ถาวร วัตถุ ไม่แต่เฉพาะใน จ.เชียงใหม่ เท่านั้น ทุกจังหวัดในภาคเหนือครูบา ได้ประดิษฐานพระพุทธ ศาสนาอย่างทั่วถึงและมั่นคง ท่านสร้างทั้งโบสถ์ วิหาร เจดีย์ พระพุทธปฏิมา ศาลากุฏิสงฆ์ ฯลฯ

ในด้านการปฏิบัติ ครูบานับเป็นพระสงฆ์รูปหนึ่งที่เข้าถึงธรรม โดยวิธีปฏิบัติธรรมอย่างจริงจังเคร่ง ครัด โดยเฉพาะวิปัสสนากรรมฐาน ในด้านการบำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคม ครูบาเสียสละปัจจัยไทย ธรรมที่มีผู้ถวาย บริจาคช่วยเหลือแก่ส่วนราชการ องค์กร ชมรม สโมสร ประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะ ชาวไทยภูเขา ตั้งแต่ข้าว ผ้า ยา บ้าน การศึกษา น้ำประปา ไฟฟ้า ถนนหนทาง มากมายมหาศาล

"เป็นพระต้องพูดจริง ต้องทำจริง และต้องรู้จริง" เป็นคติธรรม ที่ครูบาเทืองยึดปฏิบัติเรื่อยมาผลจาก ความจริงที่ท่านบำเพ็ญ เพียรภาวนา ทั้งปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวช เทศนา พัฒนาชุมชนบน พื้นฐานของข้อ วัตรปฏิบัติที่ปราศจากการใส่ร้ายป้ายสีโจมตีบีทา ครูบารักษาศีล ไม่เห็นแก่กิน ไม่เห็นแก่นอน ฝึก สอนใจตนเอง ตลอดเวลา รวมทั้งการเสียสละสร้างศรัทธา นำพาถูกต้องปรอง ดองให้เห็น ดีเด่นใน คุณธรรม

การเดินทางไปยังวัดบ้านเด่นสะหรีศรีเมืองแกน

Taxi Chiangmai 0816172116 พงศ์ศักดิ์

วัด บ้านเด่นอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองเชียงใหม่มากนัก ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ 30 กิโลเมตร ไปทางเดียวกับเขื่อนแม่งัด อยู่ในเส้นทางท่องเที่ยวเชียงใหม่-สะเมิง หรือเชียงใหม่-ฝาง แยกเข้าไปทางเขื่อนแม่งัดอีกประมาณ 3 กิโลฯ เลี้ยวซ้ายอีกประมาณ 1 กิโลฯ จะเห็นวัดสวยเด่นทางซ้ายมือแต่ไกลทีเดียว

กิจกรรมที่น่าสนใจในวัดบ้านเด่นสะหรีศรีเมืองแกน

ชมวัดบ้านเด่นที่สร้างขึ้นอย่างสวยงามด้วยสถาปัตยกรรมล้านนาประยุกต์

สิ่งน่าสนใจอื่นๆในวัดบ้านเด่นสะหรีศรีเมืองแกน

อุโบสถ หอไตร หอกลอง วิหารเสาอินทขิล กุฏิไม้สักทองทรงล้านนา พระวิหาร พระสถูปเจดีย์

ช่วงเวลาที่เหมาะสม สำหรับการมาท่องเที่ยววัดบ้านเด่นสะหรีศรีเมืองแกน

ตลอดทั้งปี



Sunday, February 21, 2010

ต้นเมเปิ้ล(น่ารักกก)..เชียงใหม่ Very beautiful maple in Chiangmai

ทุ่ง 2 สี..อ่างทอง Ang Thong
โรงเรียนการเมืองการทหารที่ภูหินร่องกล้าKoh Samed, Rayong ไปกี่ทีก็ไม่เคยเสร็จเกาะเสม็ดเนี่ย..ระยอง
ไปถ่ายแมลงที่เจ็ดคต..สระบุรี
เกาะขาม..สัตหีบ Koh Kham, Sattahip
สวนสัตว์เปิดเขาเขียว..ศรีราชา Sriracha, Chonburi
ดูน้ำพุเต้นระบำ..สุพรรณบุรี Dancing Fountain, Subhunburi
ดอยเสมอดาว น่าน Nan, northern province
โรยตัวที่น้ำตกธารรัตนา..นครนายก Nakorn Nai Yok
เครื่องปั้นดินเผาขึ้นชื่อที่เกาะเกร็ด Koh Kred
นอนดูดาวที่ ทองผาภูมิ..กาญจนบุรี Khanchanaburi
วิถีชาวประมงที่แสมสาร..ชลบุรี Chonburi
วัดร่องขุ่น..เชียงราย Chiang Rai
ถนนคนเดิน..เชียงใหม่ Sunday Walking Street, Chiangmai
ชมวัดและประเพณีล้านนาที่เมืองเชียงใหม่ Temple in Chiangmai
นาขั้นบันไดที่แม่กลางหลวง..เชียงใหม่ Elevated Ricefield, Chiangmai
ดงเมเปิ้ลหอมที่ สถานีเกษตรหลวงฯ..เชียงใหม่ Maple forest in Chiangmai
ดอกกระเจียวบานที่ป่าหินงาม..ชัยภูมิ Chaiyabhum
ผาหำหด อุทยานแห่งชาติไทรทอง..ชัยภูมิ Chaiyabhum
ปั่นจักรยานเล่น..เมืองทองธานี Bangkok


Taxi 0816172116,Chiangmai,Chiangrai-Mae Sai-Golden triangle, Mae Hong Son, Pai, Prae, Nan, Phisanulok, Sukhothai etc, ท่องเที่ยวทั่วไทยเป็นส่วนตัว

Tuesday, February 16, 2010

ภาพ - ดอยผาหม่น ทะเลหมอกที่เชียงราย

ประเทศนอร์เวย์ให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่น่าท่องเที่ยวทีสุดในโลก เป็นปี ที่ 7 ติดต่อกัน

ข้อมูล ของสหประชาชาติที่เปิดเผยวันนี้ พบว่า นอร์เวย์ยังครองตำแหน่งประเทศน่าอยู่ที่สุดในโลก ขณะที่กลุ่มประเทศทางตอนใต้ของทะเลทรายซาฮารา ในทวีปแอฟริกา ซึ่งเผชิญปัญหาสงคราม และเชื้อเอชไอวี/เอดส์ น่าอยู่น้อยที่สุด

โครงการ พัฒนาแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นดีพี) เปิดเผยข้อมูลซึ่งเก็บรวบรวมก่อนเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ พบว่า ผู้คนในนอร์เวย์ ออสเตรเลีย และไอซ์แลนด์ มีมาตรฐานความเป็นอยู่ดีที่สุดในโลก ขณะที่ชาวไนเจอร์ อัฟกานิสถาน และเซียร์ราลีโอน รั้งอันดับท้ายตารางด้านการพัฒนามนุษย์

ข้อมูล ของยูเอ็นดีพี จัดอันดับโดยรวบรวมข้อมูลผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) /หัวประชากร การศึกษา และอายุคาดเฉลี่ยของประเทศต่าง ๆ ในปี 2550 ซึ่งแสดงให้เห็นความแตกต่างระหว่างประเทศพัฒนาแล้วกับประเทศกำลังพัฒนา พบว่า อายุคาดเฉลี่ยของคนไนเจอร์ อยู่ที่ 50 ปี น้อยกว่าคนในนอร์เวย์ 30 ปี ขณะที่คนไนเจอร์ หาเงินได้ 1 ดอลลาร์สหรัฐ แต่คนนอร์เวย์หาเงินได้ 85 ดอลลาร์สหรัฐ

นอกจาก นี้ ยังพบว่าครึ่งหนึ่งของประชากรใน 24 ประเทศยากจนที่สุดในโลกไม่รู้หนังสือ เทียบกับประเทศที่มีการพัฒนามนุษย์ในระดับกลางที่มีอัตราผู้ไม่รู้หนังสือ ร้อยละ 20 ข้อมูลของยูเอ็นดีพี ยังระบุว่า คนญี่ปุ่นมีชีวิตยืนยาวที่สุด คือ มีอายุคาดเฉลี่ย 82.7 ปี มากกว่าคนอัฟกานิสถานที่มีอายุคาดเฉลี่ยเพียง 43.6 ปี

ประเทศลิกเต นสไตน์ มีจีดีพี/หัวประชากร สูงสุดที่ 85,383 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.8 ล้านบาท) โดยมีประชากรเพียง 35,000 คน มีธนาคาร 15 แห่ง และมีบริษัทจัดการความมั่งคั่งกว่า 100 แห่ง ขณะที่ประเทศยากจนที่สุดคือ สาธารณรัฐคองโก ที่ประชากรมีรายได้เฉลี่ยปีละ 298 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 9,834 บาท)

ส่วน 5 ประเทศ ได้แก่ จีน เวเนซุเอลา เปรู โคลอมเบีย และฝรั่งเศส ขยับสูง 3 อันดับ หรือมากกว่าในการจัดอันดับประเทศน่าอยู่ในปีที่ผ่านมา เนื่องจากประชาชนมีรายได้ และอายุคาดมากขึ้น โดยจีน โคลอมเบีย และเวเนซุเอลา มีอันดับสูงขึ้นจากด้านการศึกษาที่ดีขึ้น

ยูเอ็นดีพี ระบุว่า การพัฒนามนุษย์ของโลกดีขึ้นเพียงร้อยละ 15 นับแต่ปี 2523 โดยจีน อิหร่าน และเนปาล มีอันดับสูงขึ้นมากที่สุด

ที่มา-สำนักข่าวไทย

นอร์เวย์ให้ไทยเป็นประเทศท่องเที่ยวดีที่สุดในโลก 7 ปีซ้อน

กรุงเทพฯ 15 ม.ค.-กลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวนอร์เวย์โหวตให้ประเทศไทยเป็นประเทศท่องเที่ยว ที่ดีที่สุดในโลก 7 ปีติดต่อกัน และการบินไทยยังได้รับการลงคะแนนเสียงให้เป็นสายการบินระหว่างประเทศที่ดี ที่สุด เป็นปีที่ 6 ติดต่อกันด้วย คาดปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวนอร์เวย์กว่า 150,000 คน เดินทางท่องเที่ยวไทย
กระทรวงการต่างประเทศได้รับรายงานจากสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงออสโล ประเทศนอร์เวย์ ว่า ประเทศไทยไรับการคัดเลือกเป็นประเทศท่องเที่ยวที่ดีที่สุดในโลก (best tourist country) เป็นปีที่ 7 ติดต่อกัน ในการประกวดรางวัลการท่องเที่ยวของประเทศนอร์เวย์ ประจำปี ค.ศ.2010 (Norwegian Grand Travel Award 2010) โดยรางวัลดังกล่าวเปิดโอกาสให้กว่า 400 บริษัทจากกลุ่มธุรกิจการท่องเที่ยวทั่วนอร์เวย์ได้ลงคะแนนเสียงเพื่อตัดสิน ประเทศที่ควรได้รับรางวัล ทั้งนี้ ประเทศไทยเคยได้รับรางวัลดีเด่นด้านการท่องเที่ยวในนอร์เวย์มาแล้วทั้งหมด กว่า 10 ครั้ง นอกจากนี้ บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ยังได้รับการลงคะแนนเสียงให้เป็นสายการบินระหว่างประเทศที่ดีที่สุด (best intercontinental airline) เป็นปีที่ 6 ติดต่อกันด้วย

รางวัลการ ท่องเที่ยวยอดเยี่ยมที่ประเทศไทยและบริษัทการบินไทยได้รับนั้น เป็นการแสดงถึงความนิยมอย่างสูงของชาวนอร์เวย์ที่มีต่อประเทศไทย และมีแนวโน้มที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จากสถิตินักท่องเที่ยวชาวนอร์เวย์ที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวประเทศไทยในปี 2552 ไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด แม้สถานการณ์การท่องเที่ยวทั่วโลกจะซบเซาลง เนื่องจากปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจโลกก็ตาม และเป็นที่คาดการณ์ว่าในปี 2553 จะมีนักท่องเที่ยวชาวนอร์เวย์กว่า 150,000 คน เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยเมื่อเทียบกับจำนวนประชากรประมาณ 4 ล้านคนของนอร์เวย์แล้ว ถือเป็นสัดส่วนที่สูงมาก นอกจากนี้ ในปัจจุบันรัฐบาลนอร์เวย์ได้เปิดสถานกงสุลเพิ่มเติมในเขต จ.ภูเก็ต เพื่อรองรับการเดินทางมาประเทศไทยของชาวนอร์เวย์ด้วย

อนึ่ง บริษัทการบินไทยฯ ได้เปิดเที่ยวบินตรงทุกวันระหว่างกรุงเทพฯ-ออสโล ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2552 เป็นต้นมา ซึ่งนับว่ามีส่วนในการส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างนอร์เวย์และไทย รวมทั้งเป็นการขยายโอกาสทางด้านการค้าและการลงทุนระหว่างสองประเทศให้เพิ่ม มากขึ้นด้วย

ที่มา.-สำนักข่าวไทย

Sunday, February 07, 2010

Chiang Mai Oasis Spa - Day Spa Treatments

Please note that prices are subject to 7% Tax and 10% Service Charge

The Chiangmai Oasis Spa 102 Sirimangkalajarn Road , Chiang Mai 50200
The Lanna Oasis Spa 4 Samlan Road , Phrasing, Chiangmai 50200
TEL. 053-815-000 Mobile: 081 617 2116 Fax 053-815-003
E-mail: neomart@gmail.com

Lanna Style:
Warm the body with a Thai Traditional Massage, then a Thai Herbal Hot Compress on your stomach and back finishing with a Aromatic full body oil massage.
: 2 hours 1900 Baht

Oasis Pampering: Body Scrub, Aromatherapy Body Massage, Facial: 2.5 hours
2700 Baht

Ayurveda Package: Beginning with a slow dripping of oil on your forehead to relax you and continues with a thorough scalp massage, following with a complete Traditional East Indian Style Oil Massage: 2 Hours 3900 Baht

Oasis Encounter: Thai Herbal Steam, Body Scrub, Body Wrap, Aromatherapy Bath, Thai Oil Massage: 3 hours 4300 Baht

Paradise of Oasis: Thai Herbal Steam, Body Scrub, Thai Herbal Clay Mud Wrap, Aromatherapy Milky Bath, Thai Herbal Hot Oil Massage and Mineral Mud Facial: 4 hours 4600 Baht

Oasis Experience: Thai Herbal Steam, Body Scrub, Morocco Red Clay Body Wrap, Aromatherapy Bath, Oasis Four Hand Massage and Traditional Thai Facial: 4 hours 5700 Baht

Lanna Explorer : Thai herbal Steam, Thai herbal Body Scrub, Aromatic Hot Thai oil massage, Thai herbal hot compress massage and Lanna herbal facial: 3.5 hours
6500 Baht

Please call 081 617 2116 Patrick, Oversea call ++66 81 617 2116 Patrick, เพ็ญนภา (แก้ว) 081 498 0613 ต่างประเทศ ++66 81 498 0613, E-mail: neomart@gmail.com
Free round trip transportation from hotel to Oasis upon booking มีรถรับส่งฟรี หลังจองแล้ว

Customer Comments about their experience at Chiang Mai Spa Oasis, the best spa in town

Divine! Such a beautiful service and such a lovely place. I was pampered like never before and felt very special. thank you so much and I wish you much prosperity and happiness. - Helma Morland

It was a complete pleasure to have my first afternoon at a spa here at the Chiangmai Oasis. Very relaxing. Thanks again. - Matt Niederhauser USA

Thanks for a wonderful afternoon. My wife and I were treated extremely well. If only you had a branch near us in London! - Richard & Tracy Scott

I can recommend Oasis Spa to anyone. Very nice treatment. - W. Slotegraff, Holland
Dang was fabulous. I am totally relaxed and feel wonderful. Oasis is worth every Baht! Joe Ritter, USA

Visiting Chiang Mai has just gotten even better! I have found the Oasis Spa and it has improved my time in this great city. I didn't think that was possible. Many Thanks. - Tom San Francisco

For enquiries and booking please call 081 617 2116 Patrick, Oversea call 66 81 617 2116 Patrick, เพ็ญนภา (แก้ว) 081 498 0613 ต่างประเทศ ++66 81 498 0613, E-mail: neomart@gmail.com
Free round trip transportation from hotel to Oasis upon booking มีรถรับส่งฟรี หลังจองแล้ว

Thursday, February 04, 2010

โปรแกรมเที่ยวภาคเหนือ โดยรถยนต์

พร้อมคนขับชำนาญทาง และ มี อัธยาศัยเป็นกันเอง เรียกว่าเดินทางเป็นส่วนตัวจ๊ะ เหมาะสำหรับ คู่รัก ที่มา ฮันนีมูน ชมบรรยากาศอันแสนโรแมนติกของลานนาไทยอย่างเต็มอิ่มโดยไม่ต้องกังวลเส้นทาง และห่วงการขับรถเอง หรือ ครอบคร้ว พ่อ แม่ ลูก เป็นการเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างกัน โดยไม่ต้อง Join ทัวร์กับครอบครัวอื่นซึ่งความต้องการที่ต่างๆ กัน ช้า เร็ว ต่างกัน จริงๆน่ะ การท่องเที่ยวถ้าต้องหงุดหงิดคงไม่สนุกแน่เล้ย

ค่ารถพร้อมคนขับ น้ำมัน 1,800 บาท/ต่อวัน ในตัวเมืองและเขตปริมณฑล ต่างอำเภอ ต่างจังหวัด คิดค่าน้ำมันเพิ่ม กิโลเมตรละ 3 บาท แนะนำว่าควรจองล่วงหน้า 081 617 2116 พงศ์ศักดิ์ หรือ E-mail: neomart@gmail.com โดยเฉพาะหน้าเทศกาลครับผม จ่ายมัดจำเข้าบัญชี 50% และ อีก 50% หลังเสร็จสิ้นงาน

ถ้าเป็นสถานที่แนะนำก็จะขึ้นอยู่กับความชอบ และเวลาที่มีนั่นเอง โดยท่านผู้มีเกียรติมาสามารถ Design เอง หรือ เลือกจาก โปรแกรมที่เราคัดสรรมานี้

โปรแกรม 3 วัน 2 คืน รหัส 001

วันที่ 1 เวียงกุมกาม - พืชสวนโลก - Night Bazaar
- รับที่สนามบิน สถานีรถไฟ หรือ บขส.
- นครสาบสูญใต้พิภพ เวียงกุมกาม
- เข้าชมพืชสวนโลก เนื้อที่ประมาณ 400 ไร่
- เข้าที่พัก และ พักผ่อนตามอัธยาศัย
- พาชม Night Bazaar แหล่งชอปปิ้งตอนกลางคืนที่
ใหญ่ที่สุดของเชียงใหม่ และ ทานอาหารเย็น
อาหารกลางวันที่ Central Airport Plaza
วันที่ 2 แอ่วเชียงใหม่ไหว้พระ 9 วัด
1.วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร-เข้มแข็งดั่งสิงห์ 2.วัดเจดีย์หลวง-เพื่อความยิ่งใหญ่
3.วัดเชียงมั่น เพื่อความมั่นคง
4.วัดสะดือเมือง-ใจกลางพลังของเชียงใหม่
5.วัดดวงดี เพื่อดวงดี
6.วัดสวนดอก เพื่อชีวิตที่สวยงาม หอมหวน
7.วัดศรีสุพรรณ เจดีย์เงินแท้เพื่อให้เงิน ไหลมา เทมา
8.วัดเจ็ดยอด ที่ประดิษฐานอัฐิของเจ้าึ7ตน เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ เพื่อขอความคุ้มครอง มีสิริมงคล
9.วัดหมื่นล้าน เพื่อความร่ำรวย
อาหารกลางวันที่ ข้าวซอยฟ้าฮ่าม มี 2 ร้าน คือ ลำดวน และ เสมอใจ
อาหารเย็น จะเป็น ขันโตกดินเน่ิอร์ หรือ ร้านอาหารดัง เช่น กาแล ผาลาดตะวันรอน บ้านไร่ยามเย็น
วันที่ 3 ปางช้างแม่ปิง - ฟาร์มผีเสื้อ

- ชมการแสดงของช้าง ที่ปางช้างแม่ปิง